บ่ายๆ แบบนี้ Mr.เสาเข็ม ก็นำความรู้ดีดี เกี่ยวกับการก่อสร้างมาแชร์กันอีกเช่นเคยนะครับ วันนี้จะมาแชร์เรื่อง โปรแกรมทาง FINITE ELEMENT
วันนี้ผมอยากจะขออนุญาตมาทำการขยายความถึงการใช้งานโปรแกรมทาง FINITE ELEMENT แก่เพื่อนๆ ทุกท่านนะครับ
การใช้งานโปรแกรมทาง FINITE ELEMENT ใดๆ เราควรที่จะมีความรู้พื้นฐานถึงทฤษฎี FINITE ELEMENT ให้ดีในระดับหนึ่งเสียก่อน เพราะหากเราใช้งานโปรแกรมเหล่านี้โดยที่ไม่เข้าใจถึงมันแล้ว เราเองก็อาจจะใช้งานมันโดยขาดความถูกต้องไปได้นะครับ
สำหรับความรู้ในเบื้องต้นเมื่อเพื่อนๆ จำเป็นที่จะต้องมี เกี่ยวกับโปรแกรมทาง FINITE ELEMENT อาจจะประกอบไปด้วย 2 ส่วนหลักๆ ประกอบด้วย
(1) ความรู้เกี่ยวกับทฤษฎี FINITE ELEMENT ในเบื้องต้น
การที่เราจะทำการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ (MATHEMATICAL MODEL) โดยมีเป้าหมายเพื่อทำการวิเคราะห์หาผลตอบสนองต่างๆ ของโครงสร้าง ไม่ว่าจะเป็น การเสียรูป แรงปฎิกิริยา ผลของแรงภายใน ของจุดต่อ (NODE) และ ชิ้นส่วน (ELEMENT) ต่างๆ ในโครงสร้างใดๆ เราควรที่จะทราบถึงทฤษฎีพื้นฐานของการวิเคราะห์โครงสร้างเสียก่อนนะครับ เพราะ ในโครงสร้างเหล่านี้จะมีองค์ประกอบที่สำคัญๆ อยุ่หลายประการทีเดียวไม่ว่าจะเป็ร ลักษณะคุณสมบัติของจุดรองรับแบบต่างๆ (TYPES BOUNDARY CONDITIONS) เช่น จุดรองรับแบบยืดหยุ่นตัว (ELASTIC SUPPORT) จุดรองรับแบบยึดหมุน (HINGED SUPPORT) จุดรองรับแบบยึดแน่น (FIXED SUPPORT) เป็นต้น หรือ ลักษณะคุณสมบัติต่างๆ ของชิ้นส่วนโครงสร้างแบบต่างๆ (ELEMENT TYPES) เช่น ชิ้นส่วนโครงข้อหมุน (TRUSS ELEMENT) ชิ้นส่วนคาน (BEAM ELEMENT) ชิ้นส่วนคาน-เสา (BEAM COLUMN ELEMENT) ) ชิ้นส่วนโครงสร้างแผ่นราบ (PLATE ELEMENT) ชิ้นส่วนโครงสร้างแผ่นเปลือกบาง (SHELL ELEMENT) เป็นต้น เพราะสิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่จะมีผลต่อการที่เราจะทำการ INPUT เข้าไปในโปรแกรมทาง FINITE ELEMENT หากเราทำการ INPUT คุณสมบัติเหล่านี้ไปไม่ถูกต้อง แน่นอนว่า OUTPUT ที่จะได้รับก็จะผิดพลาดหรือคลาดเคลื่อนตามไปด้วยนะครับ
(2) ความรู้เกี่ยวกับโปรแกรม FINITE ELEMENT ที่เราจะใช้งานในเบื้องต้น
ในการเลือกใช้โปรแกรมหนึ่งๆ เราควรที่จะทราบเสียก่อนว่า โปรแกรมนั้นๆ ถูกทำการสร้างขึ้นมาเพื่อใช้กับงานอะไร เช่น งานโครงสร้างอาคารทั่วๆ ไป (TYPICAL STRUCTURES) งานโครงสร้างอาคารสูง (HIGH RISE BUILDING) งานโครงสร้างใต้ดิน (UNDERGROUND STRUCTURES) เป็นต้น โปรแกรมนั้นๆ มีความสามารถในการวิเคราะห์ผลตอบสนองของโครงสร้างอะไรบ้าง เช่น วิเคราะห์แบบเชิงเส้น (LINEAR ANALYSIS) วิเคราะห์แบบไม่เชิงเส้น (NONLINEAR ANALYSIS) วิเคราะห์แบบประวัติเวลา (TIME HISTORY ANALYSIS) เป็นต้น
โดยหากดูในรูปที่ผมใช้ประกอบในโพสต์ๆ นี้นำมาจากโปรแกรม STAAD.PRO โดยในรูปจะเป็นการกำหนดชื่อ ELEMENT ของโครงสร้างเหล็กนะครับ เช่น หน้าตัด (SECTION) ประเภทเหล็กกล่องแบบกลวง (RECTANGULAR HOLLOW SECTION) โปรแกรมนี้จะมีชื่อเรียกหน้าตัด (PROFILE TYPE) นี้ว่า RHS โดยที่หน้าตัดนี้จะมีจุดอ้างอิง (BASE NODE) ที่ทำการตั้งค่าเอาไว้โดยโปรแกรม (DEFAULT) ให้เป็นจุดต่อหมายเลข 1 และจะมีจุดต่อของหน้าตัดหมายเลข 2 3 4 5 6 7 และ 8 ดังที่แสดงไว้ในรูป เป็นต้นครับ ดังนั้นหากเพื่อนๆ จะใช้โปรแกรมนี้เพื่อทำการวิเคราะห์หน้าตัดเหล็กแบบนี้ โดยที่เพื่อนๆ ไม่ทราบว่าหน้าตัดเหล็กนี้มีชื่อเรียกว่าอะไร มีจุดต่ออ้างอิงที่ถูกทำการตั้งค่าเอาไว้โดยโปรแกรมเป็นจุดต่อใด เพื่อนๆ เองก็อาจที่จะไม่สามารถทำการใช้งานโปรแกรมนี้ได้อย่างถูกต้อง ซึ่งสิ่งที่ผมได้กล่าวถึงไปนี้เป็นเพียงแค่ ตย เพียงส่วนเดียวเท่านั้น ในความเป็นจริงแล้วยังมีองค์ประกอบอื่นๆ อีกมากมายที่ต้องถือว่ามีความสำคัญมากๆ ในการที่เราจะเลือกใช้งานโปรแกรมทาง FINITE ELEMENT เพื่อใช้ในการวิเคราะห์โครงสร้างของเรานะครับ
หวังว่าความรู้เล็กๆน้อยๆ ที่ผมได้นำมาฝากแก่เพื่อนๆ ทุกๆ ท่านในวันนี้จะมีประโยชน์ต่อทุกๆ ท่านไม่มากก็น้อย และ จนกว่าจะพบกันใหม่นะครับ
ref : https://www.facebook.com/bhumisiam/posts/1508103712569082
BSP-Bhumisiam
ผู้ผลิตรายแรก Spun MicroPile
1) ได้รับมาตรฐาน มอก. 397-2524 เสาเข็ม Spun MicroPile Dia 21, 25, 30 cm.
2) ผู้ผลิต Spun MicroPile ที่ได้รับ Endorsed Brand
รับรองคุณภาพมาตรฐานจาก SCG
3) ผู้นำระบบ Computer ที่ทันสมัยผลิต เสาเข็ม Spun MicroPile
4) ลิขสิทธิ์เสาเข็ม Spun MicroPile
5) เทคโนโลยีการผลิต จากประเทศเยอรมัน
6) ผู้ผลิต Spun MicroPile แบบ “สี่เหลี่ยม”
7) การผลิตคอนกรีตและส่วนผสม ใช้ Program SCG-CPAC
เสาเข็ม สปันไมโครไพล์ ช่วยแก้ปัญหาได้เพราะ
1) สามารถทำงานในที่แคบได้
2) ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะทางเสียง
3) หน้างานสะอาด ไม่มีดินโคลน
4) สามารถรับน้ำหนักได้ 20-50 ตัน/ต้น ขึ้นอยู่กับสภาพชั้นดินแต่ละพื้นที่
5) สามารถตอกชิดกำแพง ไม่ก่อให้โครงสร้างเดิมเสียหาย
สนใจติดต่อสินค้า เสาเข็มสปันไมโครไพล์ มาตรฐาน มอก. โทร
081-634-6586
082-790-1447
082-790-1448
082-790-1449